ความสำคัญของการอบรม คปอ. สำหรับองค์กร
ในแวดวงอุตสาหกรรมและสถานประกอบกิจการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป นายจ้างมีหน้าที่ต้องจัดให้มีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “คปอ.” และ “อบรม คปอ.” เป็นสิ่งที่ต้องรู้จักและดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมให้สถานที่ทำงานมีความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ซึ่งบทบาทของ คปอ. ไม่เพียงแต่เป็นที่ปรึกษาและเสนอแนะนายจ้าง แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการวางแผนและติดตามการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอีกด้วย สำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ อาจยังสงสัยว่า คปอ. คือใคร? การอบรมนี้จำเป็นแค่ไหน? เหมาะกับใครบ้าง? บทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับการอบรมหลักสูตรนี้อย่างละเอียด
อบรม คปอ. คืออะไร? และทำไมต้องมี?
คปอ. ย่อมาจาก คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นคณะบุคคลที่กฎหมายกำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มีขึ้นตาม กฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงานหรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2565
หัวใจสำคัญของ คปอ. หรือการอบรม คปอ. คือการเป็นกลไกขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยในองค์กร โดยอาศัยความร่วมมือจากสองฝ่ายหลักคือตัวแทนนายจ้างและตัวแทนลูกจ้าง เพื่อร่วมกันพิจารณา วางแผนและติดตามการดำเนินงานด้านความปลอดภัยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามกฎหมาย
โครงสร้างของ คปอ. ใครเป็นใครในคณะกรรมการ?
องค์ประกอบของ คปอ. ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสมดุลและสะท้อนเสียงจากทุกภาคส่วนในองค์กร โดยสัดส่วนของคณะกรรมการจะแตกต่างกันไปตามจำนวนลูกจ้างในสถานประกอบกิจการนั้นๆ แต่หัวใจหลักคือต้องมีจำนวนผู้แทนนายจ้างและผู้แทนลูกจ้างในสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีโครงสร้างหลักดังนี้
- ประธานกรรมการ : นายจ้าง หรือผู้แทนนายจ้างระดับบริหารสูงสุดในสถานประกอบกิจการนั้น
- กรรมการผู้แทนนายจ้าง : ผู้จัดการ หรือหัวหน้างานในระดับบังคับบัญชาที่นายจ้างเป็นผู้แต่งตั้ง
- กรรมการผู้แทนลูกจ้าง : ลูกจ้างระดับปฏิบัติการที่มาจากการ "เลือกตั้ง" ของลูกจ้างด้วยกันเอง
- กรรมการและเลขานุการ : เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ (จป. วิชาชีพ) หรือ จป. เทคนิคขั้นสูง
ข้อกำหนดของการอบรม คปอ.
- อบรมตามหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
- หลักสูตรไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง (มักใช้เวลาอบรม 2 วัน)
- ต้องอบรมผ่านสถานฝึกอบรมที่ได้รับอนุญาต
- ผู้ที่อบรมผ่านจะได้รับวุฒิบัตร/ใบประกาศนียบัตรรับรอง
คำถามสำคัญ… คปอ. ต้องผ่านการเลือกตั้งไหม?
คำตอบคือ “ใช่… แต่ไม่ใช่ทุกคน”
- ฝ่ายที่ต้องผ่านการเลือกตั้ง : คือ “กรรมการผู้แทนลูกจ้าง” เท่านั้น กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าตำแหน่งนี้ต้องมาจากการลงคะแนนเสียงของลูกจ้างทั้งหมด เพื่อให้ได้ตัวแทนที่แท้จริงซึ่งเป็นที่ยอมรับของพนักงาน สามารถสะท้อนปัญหาและมุมมองจากฝั่งลูกจ้างได้อย่างตรงไปตรงมา
- ฝ่ายที่มาจากการแต่งตั้ง : คือ “ประธานกรรมการ” และ “กรรมการผู้แทนนายจ้าง” ซึ่งนายจ้างมีอำนาจในการแต่งตั้งบุคคลที่มีความเหมาะสมตามตำแหน่งบริหารหรือระดับบังคับบัญชาให้เข้ามาทำหน้าที่
ดังนั้น กระบวนการได้มาซึ่ง คปอ. จึงเป็นการผสมผสานระหว่างการแต่งตั้งจากฝ่ายบริหารและการเลือกตั้งจากฝ่ายลูกจ้าง เพื่อสร้างความร่วมมือด้านความปลอดภัยอย่างแท้จริง
ใครบ้างที่ต้องเข้าอบรม คปอ.?
เมื่อได้คณะกรรมการ คปอ. ครบองค์ประกอบแล้ว ไม่ว่าจะมาจากการแต่งตั้งหรือการเลือกตั้ง ทุกคนในคณะกรรมการจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “คณะกรรมการความปลอดภัยฯ” ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งหรือได้รับเลือก
การ “อบรม คปอ.” เป็นหลักสูตรภาคบังคับตามกฎหมาย ใช้เวลาในการอบรม 12 ชั่วโมง เนื้อหาจะมุ่งเน้นให้กรรมการทุกคนเข้าใจบทบาท หน้าที่ และอำนาจของตนเองตามกฎหมาย เช่น:
- แนวคิดการจัดการความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
- กฎหมายความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง
- บทบาทและอำนาจหน้าที่ของ คปอ.
- การสำรวจความปลอดภัย (Safety Walk) และการจัดทำรายงาน
- การสอบสวนและวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุ
- การจัดทำข้อบังคับและคู่มือความปลอดภัย
หลักสูตร “อบรม คปอ.” เหมาะกับใครที่สุด?
แม้ตามกฎหมายผู้ที่ต้องอบรมคือคณะกรรมการ คปอ. แต่หากมองในเชิงคุณสมบัติแล้ว หลักสูตรนี้และตำแหน่งกรรมการ คปอ. เหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้
- ผู้บริหารและนายจ้าง : เพื่อให้เข้าใจบทบาทความรับผิดชอบและสามารถให้การสนับสนุนการทำงานของ คปอ. ได้อย่างเต็มที่
- หัวหน้างาน (ผู้แทนนายจ้าง) : เหมาะสำหรับหัวหน้างานที่ต้องนำนโยบายความปลอดภัยไปปฏิบัติในหน่วยงานของตน สามารถชี้นำและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้
- พนักงานผู้มีความใส่ใจ (ผู้แทนลูกจ้าง) : การอบรม คปอ. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานที่ช่างสังเกต มองเห็นจุดเสี่ยงในการทำงาน มีความกล้าที่จะเสนอแนะ และได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมงาน ตำแหน่งนี้คือโอกาสในการเป็นกระบอกเสียงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยให้แก่เพื่อนร่วมงานทุกคน
- เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.) : ในฐานะเลขานุการ จป. คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลทางเทคนิคด้านความปลอดภัย และเป็นผู้ประสานงานหลักให้การประชุมและการดำเนินงานของ คปอ. เป็นไปอย่างราบรื่น
การจัดตั้ง คปอ. และการส่งกรรมการเข้ารับการอบรม คปอ. ไม่ใช่เป็นเพียงการทำตามกฎหมายให้เสร็จสิ้นไป แต่คือการลงทุนในทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร นั่นคือ "คน"ดังนั้น การทำความเข้าใจในที่มา บทบาทและความสำคัญของ “คปอ.” รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเลือกตั้งที่โปร่งใส และส่งเสริมให้กรรมการทุกคนได้ผ่านการอบรมหลักสูตรนี้ จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในสถานประกอบกิจการ เพื่อเป้าหมายร่วมกันคือ การทำงานอย่างปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีของทุกคน
โดยผู้ที่จะ อบรม คปอ. ได้ต้องผ่านการแต่งตั้งเป็น คปอ. แล้วเท่านั้น หากเป็นตัวแทนลูกจ้างจะต้องผ่านการเลือกตั้งก่อนจึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการอบรม ขณะที่ตัวแทนนายจ้างและผู้บริหารสามารถแต่งตั้งได้โดยตรง การอบรมนี้จึงเป็นกระบวนการต่อจากการแต่งตั้ง/เลือกตั้ง ไม่ใช่ขั้นตอนเตรียมตัวก่อน นั่นเอง
บริษัท บี เซฟ เทรนนิ่ง จำกัด (BE SAFE TRAINING) เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขที่ 13-67-098 พร้อมใบอนุญาตฝึกอบรมความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า เลขที่ 0301-03-2568-0028 เราให้บริการอบรมความปลอดภัย, หลักสูตรอบรม จป. หัวหน้างาน, อบรม คปอ., อบรม จป. เทคนิค, อบรมที่สูง, อบรมที่อับอากาศ, อบรมช่างไฟฟ้า, อบรมอับอากาศ 4 ผู้, อบรมปั้นจั่น 4 ผู้, อบรมเครน 4 ผู้, อบรมปฐมพยาบาล, อบรมสารเคมี และยังให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO, ตรวจรับรองทางวิศวกรรม พร้อมห้องอบรม/สัมมนาให้เช่า
หากคุณกำลังมองหาหลักสูตร อบรมความปลอดภัย ครบ จบ ในที่เดียว
ติดต่อทีมงานมืออาชีพ
เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณวันนี้