อบรมที่อับอากาศ ต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการฝึกภาคปฏิบัติ?

28 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อบรมที่อับอากาศ ต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง

เหตุผลสำคัญที่ควรใช้เครื่องมือจริงในการฝึกอบรมที่อับอากาศ

การทำงานในที่อับอากาศ (Confined Space) ถือเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการขาดออกซิเจน การเกิดก๊าซพิษหรืออุบัติเหตุจากการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในพื้นที่แคบ ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานและผู้เกี่ยวข้องจึงต้องเข้ารับการอบรมที่อับอากาศ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อเพิ่มความเข้าใจและสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของการฝึกภาคปฏิบัติ สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรู้ คือเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึก ซึ่งต้องสอดคล้องกับสถานการณ์จริง เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับผู้เข้าอบรม

เครื่องมือและอุปกรณ์ที่สำคัญในการอบรมที่อับอากาศเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ได้ดังนี้

ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและหลักสูตรการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ การฝึกภาคปฏิบัติจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและครบถ้วน เพื่อจำลองสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด โดยสามารถแบ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่สำคัญออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ได้ดังนี้

  1. อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศ (Gas Detector) : หัวใจของการทำงานในที่อับอากาศคือการทำให้แน่ใจว่าบรรยากาศภายในนั้นปลอดภัยต่อการหายใจ ก่อนเข้าพื้นที่ทุกครั้ง จึงจำเป็นต้องมีการตรวจวัดค่าก๊าซต่างๆ ในอากาศด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน
    • เครื่องตรวจวัดก๊าซแบบหลายก๊าซ (Multi-Gas Detector) : เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้ในการฝึกอบรมที่อับอากาศ สามารถตรวจวัดก๊าซได้หลายชนิดพร้อมกันในเครื่องเดียว โดยทั่วไปจะวัดค่าหลักๆ 4 ค่า ได้แก่
      • ปริมาณออกซิเจน (Oxygen, O_2) : ค่ามาตรฐานต้องอยู่ในช่วง 19.5% - 23.5% หากต่ำกว่านี้จะเสี่ยงต่อภาวะขาดอากาศหายใจ และหากสูงเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดไฟ
      • ก๊าซพิษต่างๆ : เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide, CO) และก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen Sulfide, H_2S) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ก๊าซไข่เน่า" ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่มักพบได้ในที่อับอากาศ
      • ก๊าซไวไฟ (Flammable/Explosive Gases) : วัดค่าความเข้มข้นของก๊าซที่สามารถติดไฟได้ โดยแสดงผลเป็น %LEL (Lower Explosive Limit) หรือขีดจำกัดของการระเบิด ซึ่งค่าที่วัดได้ต้องเป็น 0% ก่อนอนุญาตให้เข้าทำงาน

      ผู้เข้ารับการอบรมที่อับอากาศจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่อง การทดสอบการทำงาน (Bump Test) และการปรับเทียบค่า (Calibration) ที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือสามารถอ่านค่าได้อย่างแม่นยำ

  2. อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) : เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติงานทุกคน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจสัมผัสกับร่างกายโดยตรง สำหรับงานในที่อับอากาศโดยเฉพาะ จะมีอุปกรณ์เพิ่มเติมที่สำคัญดังนี้
    • หมวกนิรภัย (Safety Helmet) : ป้องกันศีรษะจากการกระแทก
    • แว่นตานิรภัย (Safety Glasses/Goggles) : ป้องกันสารเคมีหรือวัสดุกระเด็นเข้าตา
    • ถุงมือนิรภัย (Safety Gloves) : เลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงาน เช่น ถุงมือกันสารเคมีหรือถุงมือกันบาด
    • รองเท้านิรภัย (Safety Shoes) : ป้องกันการกระแทกที่นิ้วเท้าและป้องกันการเจาะทะลุจากของมีคม
    • ชุดสายรัดลำตัวแบบเต็มตัว (Full Body Harness) : เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการอบรมที่อับอากาศ ใช้สำหรับยึดเกี่ยวสายช่วยชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานขึ้นจากที่อับอากาศในกรณีฉุกเฉินโดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มเติม
    • อุปกรณ์ช่วยหายใจ (Breathing Apparatus) :
      • เครื่องช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (Self-Contained Breathing Apparatus - SCBA) : ใช้สำหรับผู้ที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีที่อากาศภายในเป็นพิษหรือมีออกซิเจนไม่เพียงพอ ผู้ฝึกจะได้เรียนรู้การสวมใส่ การตรวจสอบและการใช้งานจริง
      • หน้ากากกรองอากาศ (Air-Purifying Respirator) : ใช้ในกรณีที่ทราบชนิดและความเข้มข้นของสารพิษและมีปริมาณออกซิเจนเพียงพอ
  3. อุปกรณ์ระบายอากาศ (Ventilation Equipment) : ในกรณีที่ตรวจวัดแล้วพบว่าสภาพอากาศภายในไม่ปลอดภัย ในการฝึกอบรมที่อับอากาศจำเป็นต้องมีการระบายอากาศ เพื่อไล่อากาศเก่าที่เป็นอันตรายออกไปและเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าไปแทนที่ นั่นก็คือพัดลมระบายอากาศ (Blower/Ventilator ) มีทั้งแบบดูดอากาศออกและเป่าอากาศเข้า พร้อมท่อส่งอากาศ (Duct) ที่มีความยาวเพียงพอจะหย่อนลงไปถึงจุดที่ลึกที่สุดของพื้นที่ทำงาน เพื่อให้อากาศเกิดการหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. อุปกรณ์ช่วยเหลือและกู้ภัย (Rescue Equipment) : เป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานออกจากที่อับอากาศในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้เข้ารับการอบรมต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง เช่น
    • ขาตั้งสามขา (Tripod) : เป็นอุปกรณ์ที่มีความมั่นคงสูง ใช้ติดตั้งเหนือปากทางเข้า-ออกของที่อับอากาศแนวดิ่ง เช่น บ่อ ท่อ หรือถัง เพื่อเป็นจุดยึดเกี่ยวอุปกรณ์อื่นๆ
    • รอก (Winch/Hoist) : ติดตั้งเข้ากับขาตั้งสามขา ใช้สำหรับดึงหรือผ่อนสายสลิงเพื่อนำตัวผู้ปฏิบัติงานขึ้น-ลงจากที่อับอากาศได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องใช้แรงมาก
    • เชือกช่วยชีวิต (Lifeline) : ทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ใช้ต่อจากรอกและยึดเกี่ยวกับ D-Ring บนชุด Full Body Harness ของผู้ปฏิบัติงาน
    • อุปกรณ์ป้องกันการตก (Fall Arrester) : อาจเป็นส่วนหนึ่งของรอกหรือติดตั้งแยกต่างหาก ทำหน้าที่ล็อกสายช่วยชีวิตทันทีหากมีการพลัดตก
    • เปลสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (Stretcher/Sked) : ใช้ในกรณีที่ผู้ประสบภัยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

    ผู้เข้ารับการอบรมที่อับอากาศจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่อง การทดสอบการทำงาน (Bump Test) และการปรับเทียบค่า (Calibration) ที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือสามารถอ่านค่าได้อย่างแม่นยำ

  5. อุปกรณ์สื่อสารและป้ายเตือน (Communication & Signage) : เช่น
    • วิทยุสื่อสาร (Walkie-Talkie) : สำหรับให้ผู้ช่วยเหลือ (Attendant) ที่อยู่ภายนอกสามารถสื่อสารกับผู้ปฏิบัติงาน (Entrant) ภายในได้อย่างต่อเนื่อง
    • ป้ายเตือนอันตราย : ต้องมีป้าย "ที่อับอากาศ อันตราย ห้ามเข้า" และป้ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องติดตั้งไว้อย่างชัดเจนบริเวณทางเข้า-ออก

เหตุผลที่ต้องฝึกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์จริงในการอบรมที่อับอากาศ

  1. ลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงานจริง
    การฝึกกับอุปกรณ์จริงช่วยให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจการทำงานของเครื่องมือแต่ละชนิดมากขึ้น และสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วเมื่อต้องทำงานจริง
  2. สร้างความคุ้นเคยและความมั่นใจ
    เมื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉินจริง การมีประสบการณ์ฝึกใช้อุปกรณ์มาแล้ว จะช่วยลดความตื่นตระหนก และสามารถช่วยเหลือหรือเอาตัวรอดได้อย่างถูกต้อง
  3. ฝึกการทำงานเป็นทีม
    การปฏิบัติงานในที่อับอากาศมักเป็นงานเป็นทีม การฝึกกับเครื่องมือจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของตนเองและเพื่อนร่วมทีมได้ดีขึ้น

การฝึกอบรมที่อับอากาศที่ครบถ้วนด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานเหล่านี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจและความพร้อมให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน ให้สามารถทำงานในที่อับอากาศได้อย่างปลอดภัยสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด แม้การดูวิดีโอหรืออ่านคู่มือให้ความรู้ได้เพียงระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถทดแทนประสบการณ์ตรงได้เลย การฝึกอบรมที่อับอากาศด้วยเครื่องมือจริง คือการลงทุนในความปลอดภัยที่คุ้มค่าที่สุด เพราะมันคือการเปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นทักษะช่วยชีวิตที่ฝังอยู่ในตัวของผู้ปฏิบัติงาน พร้อมที่จะนำมาใช้ได้ทันทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริงที่เดิมพันด้วยชีวิต

บริษัท บี เซฟ เทรนนิ่ง จำกัด (BE SAFE TRAINING) เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขที่ 13-67-098 พร้อมใบอนุญาตฝึกอบรมความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า เลขที่ 0301-03-2568-0028 เราให้บริการอบรมความปลอดภัย, หลักสูตรอบรม จป. หัวหน้างาน, อบรม คปอ., อบรม จป. เทคนิค, อบรมที่สูง, อบรมที่อับอากาศ, อบรมช่างไฟฟ้า, อบรมอับอากาศ 4 ผู้, อบรมปั้นจั่น 4 ผู้, อบรมเครน 4 ผู้, อบรมปฐมพยาบาล, อบรมสารเคมี และยังให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO, ตรวจรับรองทางวิศวกรรม พร้อมห้องอบรม/สัมมนาให้เช่า


หากคุณกำลังมองหาหลักสูตร อบรมความปลอดภัย ครบ จบ ในที่เดียว
ติดต่อทีมงานมืออาชีพ อบรมที่อับอากาศ
เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณวันนี้

   

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้