ทำความรู้จักกับการอบรมความปลอดภัยในการทำงานอย่างละเอียดทุกแง่มุม
อุบัติเหตุในการทำงานเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ความจริงแล้วอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อ ความไม่รู้หรือขาดมาตรการความปลอดภัยที่ดีพอ ดังนั้น การอบรมเพื่อเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยในการทำงาน จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุและสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานทุกระดับ
ความสำคัญของการอบรมความปลอดภัยในการทำงาน
การอบรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงข้อกำหนดตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานในทุกระดับเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานและวิธีป้องกันตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและผลกระทบร้ายแรงที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บ ทุพพลภาพหรือการสูญเสียชีวิต นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชย และความเสียหายทางธุรกิจ
ในมุมของกฎหมายแรงงาน พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 กำหนดให้นายจ้างมีหน้าที่ต้องจัดให้มีการอบรมความปลอดภัยให้กับลูกจ้างตามประเภทกิจการและระดับความเสี่ยง หากไม่ปฏิบัติตามอาจมีโทษปรับตามกฎหมาย ดังนั้น การอบรมความปลอดภัยจึงเป็นการลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร
ในด้านการบริหารจัดการองค์กร การอบรมอย่างต่อเนื่องจะช่วยปลูกฝังวัฒนธรรม “Safety First” ทำให้พนักงานทุกคนตระหนักว่าความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการทำงานแบบประมาทเลินเล่อ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตหรือให้บริการในระยะยาว
หลักสูตรอบรมความปลอดภัยที่ควรทราบ
- หลักสูตรอบรมพนักงานใหม่ (Safety Orientation)
- อบรมสำหรับพนักงานที่เพิ่งเริ่มงานหรือย้ายแผนก เพื่อให้เข้าใจถึงกฎระเบียบ ข้อปฏิบัติ และนโยบายความปลอดภัยของบริษัท
- แนะนำวิธีใช้งานอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) วิธีรายงานอุบัติเหตุ และช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย
- มุ่งเน้นสร้างทัศนคติด้านความปลอดภัยตั้งแต่วันแรกของการทำงาน
- หลักสูตรอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.) ตามระดับหน้าที่
- จป. ระดับบริหาร : อบรมสำหรับผู้บริหารระดับสูงเพื่อสร้างวิสัยทัศน์และนโยบายด้านความปลอดภัยในองค์กร
- จป. ระดับหัวหน้างาน : เน้นการควบคุมดูแลความปลอดภัยของทีมงาน และการสื่อสารความเสี่ยง
- จป. เทคนิค และ จป. เทคนิคขั้นสูง : อบรมเชิงลึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์ความเสี่ยง การตรวจสอบสภาพแวดล้อม และวิธีแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ
- หลักสูตรอบรมความปลอดภัยเฉพาะด้าน (เฉพาะงานที่มีความเสี่ยงสูง)
- การทำงานในที่อับอากาศ : สอนวิธีประเมินความเสี่ยง ตรวจสอบอุปกรณ์และวิธีช่วยเหลือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในพื้นที่อับอากาศ
- การทำงานบนที่สูง : อบรมเกี่ยวกับอันตรายจากการตกจากที่สูง วิธีการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
- การป้องกันและระงับอัคคีภัย : สอนวิธีใช้ถังดับเพลิง การอพยพหนีไฟ และซ้อมแผนระงับเหตุเพลิงไหม้
- การใช้งานเครนและปั้นจั่น : เน้นการยกเคลื่อนย้ายวัสดุอย่างปลอดภัย การตรวจสอบอุปกรณ์ และปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
- การทำงานกับสารเคมีอันตราย : อบรมการอ่านฉลากสารเคมี การเก็บรักษา การใช้อุปกรณ์ป้องกัน และแผนการจัดการกรณีสารเคมีรั่วไหล
- หลักสูตรอบรมซ้อมแผนฉุกเฉิน
- อบรมและฝึกซ้อมการรับมือเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหว สารเคมีรั่วไหล หรืออุบัติเหตุหมู่
- เน้นการสร้างความคุ้นเคยให้พนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่และอพยพได้อย่างปลอดภัยตามแผนที่วางไว้
- หลักสูตรอบรมความปลอดภัยต่อเนื่องและ Refresh Training
- สำหรับพนักงานที่ผ่านการอบรมแล้ว แต่ต้องทบทวนความรู้เพื่อปรับตัวให้ทันกับกฎหมายใหม่ อุปกรณ์ใหม่หรือสถานการณ์เสี่ยงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
- เป็นการป้องกันการหลงลืมและช่วยย้ำเตือนความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน
โดยหลักสูตรอบรมควรออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทกิจกรรมของสถานประกอบการ การเลือกประเภทของหลักสูตรอบรมความปลอดภัยต้องพิจารณาจาก :
- ลักษณะงานและอันตรายที่เกี่ยวข้อง
- ข้อกำหนดตามกฎหมายและมาตรฐานสากล (ISO 45001, OSHA ฯลฯ)
- ระดับของพนักงาน (พนักงานทั่วไป, หัวหน้างาน, ผู้บริหาร)
- เป้าหมายในการลดความเสี่ยงในสถานประกอบการ
เนื้อหาสำคัญที่ควรมีในหลักสูตรอบรมความปลอดภัย
- กฎหมายและข้อกำหนดเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
- การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Assessment)
- การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันอันตราย (PPE)
- วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน
- แนวทางป้องกันอุบัติเหตุและการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร
วิธีเลือกผู้ให้บริการอบรมความปลอดภัย
การเลือกผู้ให้บริการอบรมที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อความรู้ ความเข้าใจและทัศนคติของพนักงานเกี่ยวกับการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย หากเลือกผู้ให้บริการไม่ถูกต้อง อบรมไปก็อาจไม่เกิดผลจริงและไม่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐในอนาคต ดังนั้นหลักในการเลือกควรพิจารณาจากปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้
- ต้องได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
- ผู้ให้บริการอบรมต้องได้รับการอนุมัติหรือขึ้นทะเบียนจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้สามารถจัดอบรมความปลอดภัยในหลักสูตรต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- ควรตรวจสอบรายชื่อหน่วยงานอบรมที่ได้รับอนุญาตผ่านเว็บไซต์ของ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงจากผู้ให้บริการที่ไม่มีใบอนุญาต
- วิทยากรต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จริง
- วิทยากรควรมีใบรับรองเป็นผู้ฝึกอบรมความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของกฎหมาย และต้องมีประสบการณ์ตรงในสายงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนั้น ๆ
- การเลือกวิทยากรที่เคยมีประสบการณ์จริงหน้างานจะช่วยให้การอบรมไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่สามารถถ่ายทอดกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง ทำให้ผู้เรียนตระหนักถึงอันตรายและวิธีป้องกันอย่างเห็นภาพ
- หลักสูตรต้องครอบคลุมและตรงกับความเสี่ยงขององค์กร
- เนื้อหาหลักสูตรต้องสอดคล้องกับประเภทกิจกรรมของสถานประกอบการ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมก่อสร้าง งานบริการ ฯลฯ
- ควรเลือกผู้ให้บริการที่สามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับความเสี่ยงเฉพาะขององค์กร ไม่ใช่ใช้หลักสูตรมาตรฐานเพียงอย่างเดียว
- ตรวจสอบว่าหลักสูตรอบรมความปลอดภัยครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎี (กฎหมาย, ความรู้ความเข้าใจ) และภาคปฏิบัติ (สาธิต, ฝึกซ้อมสถานการณ์จริง)
- มีอุปกรณ์และสถานที่อบรมที่ได้มาตรฐาน
- ผู้ให้บริการควรมีอุปกรณ์สำหรับการฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน เช่น อุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์ปีนที่สูง เครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ
- หากอบรมนอกสถานประกอบการ ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีศูนย์ฝึกอบรมหรือสนามฝึกซ้อมจริงที่ปลอดภัย
- สำหรับการอบรมความปลอดภัยในองค์กร ผู้ให้บริการต้องสามารถนำอุปกรณ์จำลองสถานการณ์เข้ามาติดตั้งเพื่อให้พนักงานได้ฝึกปฏิบัติจริง
- มีระบบติดตามผลและการวัดผลการอบรมอย่างชัดเจน
- ผู้ให้บริการควรมีระบบประเมินผลก่อนและหลังการอบรม เพื่อวัดผลการเรียนรู้ของพนักงาน
- ควรมีรายงานผลการอบรมที่ระบุข้อมูลผู้เข้าร่วม และผลการประเมินส่งให้องค์กรเพื่อเก็บเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ
- ผู้ให้บริการที่ดีจะมีการติดตามผลระยะยาว เช่น การตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยหลังการอบรม
- ผู้ให้บริการควรมีระบบประเมินผลก่อนและหลังการอบรม เพื่อวัดผลการเรียนรู้ของพนักงาน
- เลือกผู้ให้บริการที่ให้คำปรึกษาและเป็นพันธมิตรด้านความปลอดภัยในระยะยาว
- ไม่ควรมองว่าการอบรมความปลอดภัยเป็นเพียงการจ่ายเงินแล้วจบ แต่ควรเลือกผู้ให้บริการที่สามารถให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการความปลอดภัยในองค์กร
- ผู้ให้บริการที่มีแนวคิดเป็นพันธมิตร จะช่วยพัฒนาแนวทางการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กรได้จริง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ก่อนตัดสินใจเลือก ควรสอบถามข้อมูลและขอแผนการอบรม (Training Plan) ล่วงหน้า เพื่อพิจารณาเนื้อหา รูปแบบการสอน และค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด
- องค์กรขนาดใหญ่ควรจัดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบและคัดเลือกผู้ให้บริการอบรม เพื่อให้ได้ผู้ให้บริการที่ตรงกับวัตถุประสงค์สูงสุด
แนวโน้มการอบรมความปลอดภัยในอนาคต
เราเชื่อว่าในอนาคตจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้และฝึกซ้อมความปลอดภัยได้สะดวกขึ้น ผ่านระบบออนไลน์และการจำลองสถานการณ์เสมือนจริงอย่าง e-Learning และ Virtual Training นอกจากนั้น องค์กรต่างๆ จะมีการสร้าง Safety Culture เชิงรุก คือการให้ความสำคัญกับการปลูกฝังทัศนคติด้านความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของพนักงาน มากกว่าการอบรมเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดทางกฎหมาย นั่นเอง
เพราะการอบรมความปลอดภัยในการทำงานเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงในที่ทำงาน แต่ยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กรอย่างยั่งยืน โดยการเลือกหลักสูตรอบรมที่เหมาะสมกับลักษณะงานและเลือกผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ จะช่วยให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจและสามารถป้องกันอันตรายได้จริง ทั้งนี้ องค์กรควรพิจารณาผู้ให้บริการอบรมที่สามารถปรับหลักสูตรให้ตรงกับความเสี่ยงเฉพาะด้าน พร้อมทั้งมีระบบติดตามผลหลังการอบรม เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้เกิดผลอย่างแท้จริง
บริษัท บี เซฟ เทรนนิ่ง จำกัด (BE SAFE TRAINING) เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขที่ 13-67-098 พร้อมใบอนุญาตฝึกอบรมความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า เลขที่ 0301-03-2568-0028 เราให้บริการอบรมความปลอดภัย, หลักสูตรอบรม จป. หัวหน้างาน, อบรม คปอ., อบรม จป. เทคนิค, อบรมที่สูง, อบรมที่อับอากาศ, อบรมช่างไฟฟ้า, อบรมอับอากาศ 4 ผู้, อบรมปั้นจั่น 4 ผู้, อบรมเครน 4 ผู้, อบรมปฐมพยาบาล, อบรมสารเคมี และยังให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO, ตรวจรับรองทางวิศวกรรม พร้อมห้องอบรม/สัมมนาให้เช่า
หากคุณกำลังมองหาหลักสูตร อบรมความปลอดภัย ครบ จบ ในที่เดียว
ติดต่อทีมงานมืออาชีพ เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณวันนี้