ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการอบรมที่สูง เพื่อความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย
งานที่ต้องทำบนที่สูง เช่น การปีนขึ้นไปซ่อมแซมหลังคา ทำงานบนโครงสร้างเหล็ก หรือบนเสาไฟฟ้า ล้วนมีความเสี่ยงต่อการพลัดตกซึ่งอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้หลักสูตรอบรมที่สูงจึงเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงยังเป็นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายด้านความปลอดภัยในการทำงานโดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ในบทความนี้จะเจาะลึกว่าหลักสูตรนี้คืออะไร แบบไหนถึงเรียกว่าได้มาตรฐานและข้อบังคับทางกฎหมายเป็นอย่างไร
หลักสูตรอบรมที่สูงคืออะไร?
หลักสูตรอบรมการทำงานบนที่สูง คือหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานที่มีหน้าที่ทำงานในพื้นที่สูงกว่า 1.80 เมตรขึ้นไป (ตามนิยามของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ได้รับความรู้ ความเข้าใจและทักษะที่จำเป็นในการทำงานอย่างปลอดภัย เช่น การใช้อุปกรณ์กันตก, การตรวจสอบสภาพพื้นที่และอุปกรณ์การช่วยเหลือฉุกเฉิน และการจัดการความเสี่ยง โดยวัตถุประสงค์หลักของหลักสูตรนี้ คือการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตราย, สอนวิธีการป้องกัน, การเลือกและใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) อย่างถูกต้อง รวมถึงการวางแผนการทำงานและการช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด
หลักสูตรอบรมที่สูงมีกี่ประเภท?
โดยทั่วไปสามารถแบ่งหลักสูตรออกเป็น 3 ระดับหลัก ตามความเสี่ยงและหน้าที่ของผู้เข้าอบรม ดังนี้
- ระดับผู้ปฏิบัติงาน (Worker Level) สำหรับพนักงานที่ต้องขึ้นไปทำงานบนที่สูง เน้นการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) การขึ้น-ลงที่สูงอย่างปลอดภัย
- ระดับหัวหน้างาน/ผู้ควบคุม (Supervisor Level) สำหรับผู้ที่ต้องวางแผน ควบคุม และตรวจสอบความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ต้องมีความรู้ด้านการประเมินความเสี่ยง และจัดทำ Work Permit
- ระดับผู้สอน/เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม (Trainer Level) สำหรับผู้ที่จะเป็นวิทยากรหรือครูฝึกต้องมีทั้งประสบการณ์จริงและผ่านการอบรมขั้นสูง
หลักสูตรอบรมที่สูงที่ได้มาตรฐานมีลักษณะอย่างไร?
เพื่อให้การอบรมมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หลักสูตรอบรมการทำงานบนที่สูงที่ได้มาตรฐานควรประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญดังนี้
- เนื้อหาครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ
- ภาคทฤษฎี : ต้องครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น
- กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง : กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานฯ พ.ศ. 2564 และมาตรฐานสากลอ้างอิง เช่น OSHA หรือ ANSI
- การชี้บ่งอันตราย : เรียนรู้สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการตกจากที่สูง
- อุปกรณ์ป้องกันการตก : ทำความรู้จักอุปกรณ์ประเภทต่างๆ เช่น เข็มขัดนิรภัย, เชือกช่วยชีวิต (Lanyard), อุปกรณ์ดูดซับแรงกระแทก, หมวกนิรภัยและวิธีการตรวจสอบ และบำรุงรักษาที่ถูกต้อง
- การวางแผนงานและแผนฉุกเฉิน : เรียนรู้วิธีการขออนุญาตทำงาน (Work Permit), การประเมินความเสี่ยงและการจัดทำแผนช่วยเหลือและกู้ภัย
- ภาคปฏิบัติ : เป็นหัวใจสำคัญของการอบรมที่สูง ผู้เรียนจะได้ลงมือปฏิบัติจริงกับอุปกรณ์และสถานการณ์จำลอง เช่น
- การสวมใส่และใช้ชุดป้องกันการตกจากที่สูง (Full Body Harness) อย่างถูกต้อง
- ฝึกเทคนิคการยึดเกาะและการเคลื่อนที่บนที่สูง
- การใช้อุปกรณ์ร่วมกับระบบป้องกันต่างๆ เช่น ระบบเชือกแนวนอนและแนวตั้ง
- การฝึกซ้อมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
- ภาคทฤษฎี : ต้องครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น
- วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ : ผู้สอนต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ตรงในการทำงานบนที่สูงและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน
- อุปกรณ์และสถานที่ฝึกที่ได้มาตรฐาน : สถานที่ฝึกอบรมที่สูงต้องมีโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรงและเหมาะสมกับการฝึกซ้อม ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกต้องเป็นอุปกรณ์จริงที่ได้มาตรฐานสากลและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
- มีการประเมินผลและออกใบรับรอง : หลังจบการอบรม จะต้องมีการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ผู้ที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 70% ขึ้นไป) จะได้รับใบรับรอง (Certificate) เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้ผ่านการฝึกอบรมแล้ว
กฎหมายบังคับให้ต้องฝึกอบรมที่สูงหรือไม่?
คำตอบคือ "ใช่" ตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่นและพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. 2564 ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า
"นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างซึ่งทำงานบนที่สูง... ผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติงานและวิธีการป้องกันอันตราย"
หากนายจ้างละเลย ไม่จัดส่งลูกจ้างเข้ารับการอบรมที่สูงจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ซึ่งมีบทลงโทษทั้งจำคุกและปรับ
ดังนั้น การอบรมการทำงานบนที่สูงจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นข้อบังคับทางกฎหมายที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การลงทุนกับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับทุกองค์กรที่มีการทำงานบนที่สูง และเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง
บริษัท บี เซฟ เทรนนิ่ง จำกัด (BE SAFE TRAINING) เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เลขที่ 13-67-098 พร้อมใบอนุญาตฝึกอบรมความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า เลขที่ 0301-03-2568-0028 เราให้บริการอบรมความปลอดภัย, หลักสูตรอบรม จป. หัวหน้างาน, อบรม คปอ., อบรม จป. เทคนิค, อบรมที่สูง, อบรมที่อับอากาศ, อบรมช่างไฟฟ้า, อบรมอับอากาศ 4 ผู้, อบรมปั้นจั่น 4 ผู้, อบรมเครน 4 ผู้, อบรมปฐมพยาบาล, อบรมสารเคมี และยังให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO, ตรวจรับรองทางวิศวกรรม พร้อมห้องอบรม/สัมมนาให้เช่า
หากคุณกำลังมองหาหลักสูตร อบรมความปลอดภัย ครบ จบ ในที่เดียว
ติดต่อทีมงานมืออาชีพ อบรมที่สูง
เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณวันนี้