หลักสูตรด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับพนักงานในองค์กรมีอะไรบ้าง?
การลงทุนในหลักสูตรด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่นายจ้างทุกท่านไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะเป็นไปตามข้อกำหนดของ พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยจากการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอีกด้วย นี่คือหลักสูตรด้านความปลอดภัยที่นายจ้างควรพิจารณาส่งพนักงานไปอบรมเป็นประจำทุกปี โดยแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายและความสำคัญ
ทำไมต้องอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยประจำปี?
การอบรมด้านความปลอดภัยเป็นประจำปีมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้พนักงานทุกระดับได้ทบทวนความรู้และทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยอยู่เสมอ ลดความเสี่ยงจากความประมาทหรือการลืมขั้นตอนที่ถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย มาตรฐานความปลอดภัย เครื่องจักรหรือสารเคมีที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี การอบรมด้านความปลอดภัยจึงช่วยสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ให้หยั่งรากลึกในองค์กรและยังแสดงถึงความรับผิดชอบของนายจ้างตามกฎหมายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ที่กำหนดให้ต้องมีการฝึกอบรมหรือทบทวนความรู้ของพนักงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความสูญเสียในที่ทำงาน
หลักสูตรด้านความปลอดภัยพื้นฐานที่สำคัญตามกฎหมาย
หลักสูตรเหล่านี้เป็นข้อกำหนดพื้นฐานที่ลูกจ้างและผู้บริหารที่เกี่ยวข้องต้องเข้ารับการอบรม เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- หลักสูตรความปลอดภัยฯ สำหรับลูกจ้างทั่วไปและลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ (6 ชั่วโมง) : เป็นการอบรมเพื่อให้ลูกจ้างมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงกฎหมายและข้อบังคับความปลอดภัยของสถานประกอบกิจการ ซึ่งลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ต้องอบรมก่อนเริ่มงาน ส่วนลูกจ้างทั่วไปควรมีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในสภาพการทำงาน แม้ว่ากฎหมายจะเน้นที่พนักงานใหม่ แต่การทบทวนถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดี โดยองค์กรหรือนายจ้างสามารถดูรายละเอียดเนื้อหาหลักสูตรด้านความปลอดภัยนี้ ได้จากหน่วยฝึกอบรมที่ได้รับอนุญาต หรือดูคู่มือ/วิดีโอจากหน่วยงาน เช่น สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท.
- หลักสูตรสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย (อบรมตามวาระที่กำหนด) :หลักสูตรเหล่านี้บังคับสำหรับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญด้านความปลอดภัย เช่น
- หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ระดับบริหาร/หัวหน้างาน/เทคนิค : ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเหล่านี้ต้องผ่านการอบรมตามระยะเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะ จป. หัวหน้างาน ที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมดูแลงานในพื้นที่โดยตรง
- หลักสูตรคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) : ต้องได้รับการอบรมเพื่อให้ทราบถึงบทบาท หน้าที่และอำนาจในการดำเนินการด้านความปลอดภัยในองค์กร
หลักสูตรด้านความปลอดภัยเฉพาะทางที่ควรส่งเสริมประจำปี
หลักสูตรเฉพาะทางจะเน้นไปที่ความเสี่ยงและลักษณะงานของแต่ละสถานประกอบกิจการ ซึ่งควรมีการทบทวนและฝึกปฏิบัติซ้ำทุกปีเพื่อให้เกิดความชำนาญ
- หลักสูตรการดับเพลิงขั้นต้นและการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ : เป็นหลักสูตรภาคบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการ โดยต้องจัดให้มีการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และอบรมการดับเพลิงขั้นต้นให้กับพนักงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 โดยเนื้อหาในหลักสูตรเป็นการให้ความรู้เรื่องการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้น และขั้นตอนการอพยพที่ถูกต้อง ช่วยให้สามารถควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินและลดความสูญเสียได้
- หลักสูตรด้านความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง : เป็นหลักสูตรที่ครอบคลุมความรู้เรื่องกฎหมาย, อันตรายจากการทำงานบนที่สูง, การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกส่วนบุคคล (PPE), การติดตั้งจุดยึดและเทคนิคการช่วยเหลือกู้ภัยเบื้องต้น โดยผู้ที่ต้องอบรมจะเป็นพนักงานที่ต้องทำงานในระดับความสูงตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป เช่น งานซ่อมบำรุง, ก่อสร้างหรือติดตั้งป้าย เพราะมีโอกาสเสี่ยงในการพลัดตกจากที่สูงเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุร้ายแรง จึงจำเป็นต้องมีการฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
- หลักสูตรด้านความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ : เป็นหลักสูตรภาคบังคับตามกฎหมาย เน้นเรื่องอันตรายจากก๊าซพิษ/ขาดออกซิเจน, ขั้นตอนการขออนุญาตทำงาน, การตรวจวัดบรรยากาศ, การระบายอากาศ, การใช้อุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาล โดยผู้ปฏิบัติงาน, ผู้ช่วยเหลือ, ผู้ควบคุมงาน และผู้อนุญาตทำงานในพื้นที่อับอากาศ (เช่น ถัง, ไซโล, ท่อ, บ่อ) คือผู้ที่ควรเข้ารับการอบรมนี้ เพราะการทำงานในที่อับอากาศมีความเสี่ยงสูงถึงชีวิต การฝึกอบรมตามบทบาทหน้าที่จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
- หลักสูตรการขับรถ/ใช้เครื่องจักรอย่างปลอดภัย : เหมาะสำหรับพนักงานที่ขับขี่/ควบคุมเครื่องจักรเฉพาะทาง เช่น รถยก (Forklift), ปั้นจั่น (Crane)หรือเครื่องจักรกลหนัก เพราะการใช้เครื่องจักรที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุในโรงงาน การทบทวนความรู้และฝึกปฏิบัติจริงเป็นประจำปีจะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก จึงควรเรียนรู้กฎหมาย, การตรวจสอบความปลอดภัยก่อนการใช้งาน (Pre-Use Inspection), เทคนิคการขับขี่/ควบคุมที่ถูกต้อง, การบรรทุกและการบำรุงรักษาที่มีในหลักสูตรด้านความปลอดภัยนี้
- หลักสูตรการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย : หลักสูตรนี้สอนวิธีการระบุอันตราย, การประเมินความเสี่ยง, และการกำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับจป. ทุกระดับ, หัวหน้างาน, คปอ., และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และควรมีการอบรมทบทวนหรืออบรมหลักสูตรขั้นสูงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานหรือมีเทคโนโลยีใหม่ๆ
- หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) : เหมาะสำหรับผู้ที่นายจ้างแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ จป. (ระดับหัวหน้างาน/เทคนิค/บริหาร) เนื้อหาและระยะเวลาในหลักสูตรมีกำหนดตามระดับ เช่น จป.หัวหน้างาน/ระดับบริหาร มีชั่วโมงตามประกาศ และมีวุฒิบัตรให้เพื่อนำไปขึ้นทะเบียนต่อกรมฯ การฝึกอบรมและการขึ้นทะเบียนเป็นไปตามประกาศ/กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
- ปฐมพยาบาลเบื้องต้น : หลักสูตรด้านความปลอดภัยนี้มีเนื้อหาของการ CPR, การใช้ AED, การห้ามเลือด, การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ, การประเมินสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยพนักงานทั่วไป (จำนวนหนึ่งของแต่ละแผนกเป็นผู้ช่วยชีวิตได้) และทีมฉุกเฉินของสถานประกอบการควรเข้ารับการอบรม และเนื่องจากทักษะเหล่านี้ลืมได้ จึงควรฝึกซ้ำเป็นประจำ
- สารเคมีอันตราย / ระบบ GHS / การจัดการ SDS : เนื้อหาในหลักสูตรเป็นการจำแนกและป้ายฉลาก (GHS), การอ่าน SDS/MDS, การจัดเก็บ/ขนย้ายอย่างปลอดภัย, การรับมือกรณีหกรั่วไหล, การใช้ PPE ที่เหมาะสม จึงเหมาะสำหรับพนักงานที่จัดเก็บ/ขนย้าย/ใช้สารเคมี และผู้รับผิดชอบระบบการจัดการสารเคมีของโรงงาน หลักสูตรด้านความปลอดภัยนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม/กระทรวงที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้ฝึกอบรมและทบทวนอย่างน้อยปีละครั้งสำหรับคนงานที่เกี่ยวข้อง
- ความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้าและ Lockout–Tagout (LOTO) : มีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ปฏิบัติปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า, การระบุพลังงาน, ขั้นตอน LOTO เพื่อป้องกันการจ่ายพลังงานขณะซ่อมและการป้องกันการช็อตไฟฟ้า เหมาะสำหรับช่างไฟ พนักงานซ่อมบำรุง และผู้ที่ต้องทำงานกับหรือใกล้ระบบไฟฟ้า ซึ่งมีกฎกระทรวง/ประกาศกรมฯ กำหนดหัวข้อและชั่วโมงขั้นต่ำสำหรับการฝึกอบรมลูกจ้างที่เกี่ยวกับไฟฟ้า
หลักสูตรด้านความปลอดภัยเสริมที่ควรมีตามความเสี่ยงของกิจการ
- การขับรถยนต์เชิงพาณิชย์ / การขับรถบรรทุก (Defensive driving)
- ความปลอดภัยเครื่องจักรเฉพาะทาง (เช่น เครน โฟล์คลิฟท์) + การรับรองผู้ควบคุมเครื่องจักร
- การป้องกันการถูกล่วงละเมิด/การจัดการสุขภาพจิตในที่ทำงาน (Workplace harassment & mental health)
- Environmental spill response / waste handling (ถ้าประกอบกิจการมีผลกระทบสิ่งแวดล้อม)
หลักสูตรด้านความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในการทำงานแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้สามารถทำงานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การจัดอบรมประจำปีจึงไม่ใช่เพียงการทำตามข้อกำหนดของกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร ช่วยให้นายจ้างและพนักงานเข้าใจบทบาท หน้าที่ และแนวทางป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงานได้อย่างรอบด้าน
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาสถาบันที่ให้บริการอบรมด้านความปลอดภัยครบวงจร บริษัท บี เซฟ เทรนนิ่ง จำกัด คือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดหลักสูตรอบรมทั้งในรูปแบบทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น อบรม จป. ทุกระดับ, อบรมดับเพลิง, การทำงานบนที่สูง, การทำงานในที่อับอากาศ และ หลักสูตรด้านความปลอดภัย เฉพาะทางอื่นๆ ที่ปรับให้เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละสถานประกอบการ เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในองค์กรของคุณอย่างยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหาหลักสูตร อบรมความปลอดภัย ครบ จบ ในที่เดียว
ติดต่อทีมงานมืออาชีพ หลักสูตรด้านความปลอดภัย
เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของคุณวันนี้



